ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวานนี้ จะมีวุฒิสมาชิก 1 ใน 3 หรือ 84 คน ร่วมโหวต แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านเสนอ โดยเฉพาะ มาตรา 256 เพื่อเปิดทางให้แก้ไขในรัฐธรรมนูญ 2560 ได้ง่ายขึ้น แม้จะมี ส.ส. ส.ว. บางคนกลัวจะแก้ไข มาตรา 272 ตัดอำนาจ ส.ว. แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี แต่ผมคิดว่าน่าจะมี ส.ว.เกิน 84 คน จาก 250 คน ที่เห็นแก่ชาติบ้านเมืองมากกว่าบุญคุณส่วนตัว
หวังว่าวันนี้ สิ่งที่ผมคาดหวังไว้จะเป็นจริง เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของประเทศไทย
คุณวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐในฐานะวิปรัฐบาลที่เสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาล ให้แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 โดยไม่แก้หมวด 1 และหมวด 2 เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ ให้เหตุผลว่า เมื่อรัฐธรรมนูญใช้ไประยะหนึ่ง แต่มีปัญหาไม่เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย การมีส่วนร่วมของประชาชน ปัญหาการกระจายอำนาจ ปัญหาด้านสิทธิเสรีภาพ ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ แต่ด้วยบทบัญญัติการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมยุ่งยาก จึงควรแก้ไขมาตรา 256 ให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ยุ่งยากเหมือนปัจจุบัน และ ควรบัญญัติให้มีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยมี สภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วม สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของระบอบประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น
(ผู้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ควรจะรู้สึกสำนึกผิด ที่พวกท่านได้ทำร้ายชาติบ้านเมืองด้วยการเขียนรัฐธรรมนูญแบบนี้ขึ้นมา อย่างที่ คุณวิรัช รัตนเศรษฐ อภิปราย)
คุณสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้นำฝ่ายค้าน ก็อภิปรายถึง เหตุผลการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพิ่มหมวด 15/1 ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เขียนไว้ในปัจจุบันเป็นเรื่องยาก ขั้นรับหลักการต้องใช้เสียงเห็นชอบไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของ 2 สภา และ ต้องมี ส.ว.เห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ส่วน วาระ 3 ต้องมี ส.ส.เห็นชอบไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของทุกพรรค และ ส.ว. 1 ใน 3 และ ต้องมีการออกเสียงประชามติ ทำให้ไม่อาจแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้ได้ ซึ่งขัดกับหลักการทั่วไปในยามที่ประเทศต้องการแก้ไขให้ทันสถานการณ์
ผมเห็นด้วยกับทุกฝ่ายที่เสนอแก้ไข รัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจ คสช. ฉบับนี้ เพราะ เป็นตัวถ่วงความเจริญของประเทศ อย่างที่ คุณวิรัช รัตนเศรษฐ วิปรัฐบาลแถลง ไม่เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย การมีส่วนร่วมของประชาชน การกระจายอำนาจ สิทธิเสรีภาพ รัฐธรรมนูญแบบนี้ ส่งผลให้คนไทยเหลื่อมล้ำในทุกด้าน เศรษฐกิจ สังคม รายได้ การศึกษา อย่างที่ สภาพัฒน์ รายงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไปเมื่อวันจันทร์
การประชุมรัฐสภาวันแรก คุณไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ที่พยายามคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้ขอใช้สิทธิ์ เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา ให้ส่งร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของฝ่ายค้านให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ หลังจากที่ ฝ่ายกฎหมายรัฐสภาตีตกไปแล้ว งานนี้ คุณชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา เลยจัดให้เต็มแม็กซ์ด้วย “มีดโกนอาบน้ำผึ้ง” กรีดหน้ากลางรัฐสภา
“เลขาธิการสภาผู้แทนฯได้พิจารณากรณีนี้เป็นพิเศษ มีการเรียกประชุมฝ่ายกฎหมายทั้งหมดและมีข้อสรุปว่า ลงชื่อในฉบับเดียวกันไม่ได้ แต่ทั้ง 4 ฉบับเป็นคนละฉบับ หลักการและเหตุผลต่างกัน ไม่มีกฎหมายใดห้ามไว้ ที่ขอให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องเดิมที่เคยตัดสินไว้แล้ว ไม่จำเป็นต้องส่งซ้ำใหม่ กรณีญัตติคำร้องของนายไพบูลย์ ยังขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 156 เนื่องจากไม่มีบัญญัติไว้ตามอำนาจหน้าที่ จึงไม่รับเป็นญัตติ แม้ฝ่ายกฎหมายจะไม่เก่งชำนาญ แต่ก็เชื่อว่าน่าจะอ่านกฎหมายทั่วๆ ไปได้ ผมคิดว่าเป็นเรื่องเสี่ยงที่จะผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ เมื่อไตร่ตรองดูแล้ว ผมจึงไม่ได้บรรจุวาระ” ขอคารวะหนึ่งจอก
แม้ไม่รู้อนาคต แต่ผมหวังล่วงหน้าว่า รัฐสภาชุดนี้จะลงมติเห็นชอบให้แก้ไขมาตรา 256 เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ได้ง่ายขึ้น เพื่ออนาคตที่ดีกว่านี้ของประเทศไทยของเรา.
“ลม เปลี่ยนทิศ”
อ่านเพิ่มเติม...
อ่านบทความและอื่น ๆ ( ไม่แก้รัฐธรรมนูญประเทศไทยถอยหลังแน่ - ไทยรัฐ )https://ift.tt/3mRIWvG
ประเทศไทย
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ไม่แก้รัฐธรรมนูญประเทศไทยถอยหลังแน่ - ไทยรัฐ"
Post a Comment